HIGHLIGHTS
- ‘สุขภาพและความงาม’ คือเมกะเทรนด์ที่ไม่เคยหล่นหายไปจากพฤติกรรมของผู้บริโภค สะท้อนได้จาก ‘อุตสาหกรรมความงามทั่วโลก’ ที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าในปี 2021 อุตสาหกรรมนี้จะมีมูลค่ากว่า 17 ล้านล้านบาท และเติบโตเฉลี่ยปีละ 4.75% ในอนาคต
- การเติบโตในเรื่องของอุตสาหกรรมความงามและพฤติกรรมของผู้บริโภคในเรื่องของสุขภาพ เรียกได้ว่าสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของนูสกิน จนทำให้นูสกิน กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ระดับโลกที่ต้องจับตามองจากความโดดเด่นด้วย ‘นวัตกรรม’ โดยเฉพาะตัวสินค้าที่ขาย ‘ความแตกต่าง’ โดยนำเสนอสินค้าที่ขายในกลุ่มบิวตี้แกดเจ็ตที่มีหลากหลาย มาพร้อมงานวิจัยและรางวัลรองรับมากมาย
- นอกจากนวัตกรรมที่โดดเด่นแล้วนูสกิน ยังเปิดโอกาสให้ผู้คนทั่วไปร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับแบรนด์ได้ โดยไม่มีค่าสมัคร สามารถทำเป็น Dropship หรือ Affiliate Marketing ได้ และทำทางออนไลน์และโซเชียลมีเดียได้ 100% พร้อมเครื่องมือสนับสนุนมากมายให้ใช้แบบฟรีๆ
ไม่ว่าเมื่อไรก็ตาม ‘สุขภาพและความงาม’ คือเมกะเทรนด์ที่ไม่เคยหล่นหายไปจากพฤติกรรมของผู้บริโภค
เรื่องนี้สะท้อนได้จาก ‘อุตสาหกรรมความงามทั่วโลก’ ที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าในปี 2021 อุตสาหกรรมนี้จะมีมูลค่ากว่า 5.11 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 17 ล้านล้านบาท
และด้วยอัตราการเติบโตประมาณ 4.75% ต่อปี ทำให้มีการประเมินว่า มูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 7.16 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 23.7 ล้านล้านบาท ในปี 2025 และเพิ่มเป็น 7.846 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 26.1 ล้านล้านบาทในปี 2027
ขณะเดียวกันพฤติกรรมของผู้บริโภคที่น่าสนใจคือ แนวคิดในวันนี้ได้เปลี่ยนไปเป็น ‘การป้องกันดีกว่าการรักษา’ ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและระบบการแพทย์ที่ดีขึ้น ทำให้การดูแลสุขภาพตั้งแต่อายุยังน้อย ส่งผลให้เราใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ และมีเวลาในการทำสิ่งต่างๆ ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ได้มากขึ้น
ทั้งการเติบโตในเรื่องของอุตสาหกรรมความงาม และพฤติกรรมของผู้บริโภคในเรื่องของสุขภาพ เรียกได้ว่าสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของนูสกิน
‘นูสกิน’ ผู้นำบิวตี้แกดเจ็ตยอดขายอันดับ 1 ของโลก 4 ปีซ้อน
สิ่งที่ทำให้ ‘นูสกิน’ กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ระดับโลกที่ต้องจับตามองมาจากความโดดเด่นด้วย ‘นวัตกรรม’ โดยเฉพาะตัวสินค้าที่ขาย ‘ความแตกต่าง’ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มบิวตี้แกดเจ็ตที่มีหลากหลาย มาพร้อมงานวิจัยและรางวัลรองรับมากมาย
เป็นสินค้าที่ตอบโจทย์การใช้ตลอดจนการทำธุรกิจของคนยุคใหม่อย่างมาก จนมียอดขายบิวตี้แกดเจ็ตเป็นอันดับ 1 ของโลกถึง 4 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2017-2020 จากการสำรวจโดย Euromonitor
ต้องบอกว่า ‘นวัตกรรม’ ที่โดดเด่นของนูสกิน เกิดจากการลงทุนกว่า 152.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างแล็บวิจัยขนาดใหญ่ของตัวเองถึง 2 แห่ง ที่อเมริกาและเซี่ยงไฮ้ ซึ่งการทุ่มลงทุนในด้านนวัตกรรมทำให้ นูสกิน ได้ครอบครองเทคโนโลยีทางด้านยีนของมนุษย์ มีเครื่องมือล้ำหน้าอย่าง ‘ยีนชิป (Gene Chip)’ ที่ใช้ในการศึกษาวิจัย จนปัจจุบันมีคลังข้อมูลยีนมากกว่า 330 ล้านยีน
ซึ่งนี่เองได้กลายเป็นรากฐานของเทคโนโลยี ‘เอจล็อค’ เอกสิทธิ์หนึ่งเดียวของนูสกิน ที่ใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและความงามคุณภาพมากมาย จนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเอจล็อค มีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน